สรุปปมลุงปืนโหด ฉุนหลานทอม คว้าลูกโม่ไล่ยิงดับ 1 เจ็บอีก 2

สรุปปมลุงปืนโหด ฉุนหลานทอม คว้าลูกโม่ไล่ยิงดับ 1 เจ็บอีก 2

เปิดสาเหตุ ลุงปืนโหด โมโหหลานทอมแอบหนีไปซุกบ้านเพื่อน กลับมาถึงบันดาลโทสะ รัวเผาขนดับ 1 ไล่ยิงเพื่อนหลานเจ็บอีก 2 ราย เรื่องราวลุงปืนโหดก่อเหตุสะเทือนขวัญคว้าอาวุธปืนลูกโม่ออกมาไล่ยิงคนจนเสียชีวิต “สน.บุคคโล” ได้รับแจ้งเหตุ เมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดที่ซอยสิงหเจริญอุทิศ 4 แยกซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 18 แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.สุจิตรา อายุ 35 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ถูกกระสุนยิง 3 นัด เข้าที่ใบหน้าและลำคอจนเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย สาเหตุลุงโมโหที่หลานทอมหนีไปนอนบ้านเพื่อนย่านอ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร นานนับสัปดาห์

วันเกิดเหตุหลานลุง กลับมาบ้านพร้อมเพื่อน-แม่เพื่อน

วันเกิดเรื่อง หลานทอม วัย 15 ปี เดินทางกลับมายังบ้านของตัวเองที่ลุงอาศัยอยู่ โดยมีเพื่อน 2 คน และแม่ของเพื่อนที่ชื่อ น.ส.สุจิตรา เดินทางมาส่ง แต่เมื่อมาถึงลุงซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธ มีการดุด่าและจะเข้าทำร้ายหลานสาว ทำให้ น.ส.สุจิตรา และลูกสาวของเธอ 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานทอมได้เข้าไปห้าม ต่อมาเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ก่อนที่ลุงจะวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วหยิบอาวุธปืนลูกโม่ ไม่ทราบขนาด ออกมาไล่ยิงกลุ่มน.ส.สุจิตรา วิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง

แต่เคราะห์ร้าย น.ส.สุจิตรา วิ่งสะดุดหกล้มจึงถูกลุงเข้ามาจ่อยิงอย่างโหดเหี้ยม 3 นัดซ้อนจนเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บมี 2 คน ทราบชื่อ คือ น.ส.จิราภา อายุ 32 ปี ถูกยิงเฉี่ยวแขนขวา 1 นัด ผู้บาดเจ็บอีกคนเป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี ถูกยิงเฉี่ยวแขนซ้าย 1 นัด ทั้งคู่ถูกนำส่ง รพ.ศิริราช

ลุงปืนโหด มอบตัว”ร้องไห้ตลอดเวลา” – เปิดชนวนเหตุมีการยั่วยุกันก่อนหน้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังก่อเหตุ ลุงปืนโหด ซึ่งกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ก็ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับ สน.บุคคโล เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ทราบชื่อนายเสมา ขจรพันธ์ อายุ 50 ปี ซึ่งระหว่างการเข้าจับกุมและนำตัวมาสอบปากคำเจ้าตัวมีอาการเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้เกือบตลอดเวลา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยหลานสาวของคุณลุง เป็นลูกของน้องชายแท้ๆ ที่ขอมาเลี้ยงไว้ 2 คนตั้งแต่เล็ก จึงมีความผูกพันกันมาก เมื่อมีปากเสียงกันก็มักจะหลบไปพักที่บ้านผู้ตาย

ช่วงเกิดเหตุผู้เสียชีวิตนำเด็กมาส่งที่บ้าน แต่เกิดการโต้เถียงกัน จนเด็กพูดว่าไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว จึงทำให้ผู้ต้องหารู้สึกเสียใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีคำให้การของพยานยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตใช้อาวุธมีดแทงที่บริเวณท้องด้านซ้ายของผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบพบว่ามีบาดแผลจริงซึ่งประเด็นนี้ต้องรอการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม

ส่วนชนวนเหตุเกิดจากการยั่วยุทางเฟซบุ๊ก ท้ากันไปมา มีการนัดมาพบกัน ตอนนี้พบผู้ก่อเหตุเพียง 2 คน หากพบใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

สตช. เตือน! 3 ภัยในช่วงวัน วาเลนไทน์ จากมิจฉาชีพ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำการเตือนภัยถึงอัตรายจากบรรดามิจฉาชีพที่คาดว่าจะมาด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบในช่วงเทศกาล วาเลนไทน์ วันที่ 14 ก.พ. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วยในวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปี เป็นวันเทศกาล วาเลนไทน์ หรือที่เรียกกันว่าเทศกาลแห่งความรัก ที่คู่รักทั่วโลก รวมถึงคู่รักในประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้ในการแสดงออกถึงความรัก ด้วยการส่งดอกไม้ ของขวัญ เงิน ให้คนรักเนื่องในโอกาสพิเศษนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาศัยโอกาสจากเทศกาลแห่งความรัก มาหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน โดยอาชญากรรมออนไลน์ที่คนร้ายเป็นชาวต่างชาติใช้ความรักในการหลอกลวงเหยื่อหลักๆ มี 3 ประเภท ดังนี้

Romance Scam หลอกรักให้เปย์ แล้วเททิ้ง คนร้ายเป็นแก๊งชาวผิวสี เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอมโดยใช้รูปผู้อื่นส่วนใหญ่จะปลอมเป็นชาวยุโรป อเมริกัน หรือชาวตะวันออกกลาง ที่หน้าตาดี หล่อ รวย หน้าที่การงานดี มีการใช้ชีวิตที่หรูหราเข้ามาทักทายเหยื่อ (เป้าหมายคือหญิงไทยอายุ40ปีขึ้นไป) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน

โดยอ้างว่าภรรยาเสียชีวิตหรือหย่าร้าง อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับหญิงไทย โดยถูกใจเหยื่อมากใช้วิธีการแช็ตเรียกเหยื่อหวานหยดย้อย เช่น Darling , Sweetheart , My love พอเหยื่อหลงเชื่อและหลงรัก ก็จะเริ่มหลอกลวงเพื่อหวังเงินจากเหยื่อโดยจะใช้วิธีการต่างๆ ได้แก่ อ้างว่าจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้

จากนั้นจะมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นคนไทยจะติดต่อเหยื่อโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหรือบริษัทส่งของระหว่างประเทศ มีการเรียกเก็บภาษีหรือค่าปรับจากเหยื่อ , อ้างว่าป่วยแต่ประกันสุขภาพมีปัญหา ขอให้เหยื่อโอนค่ารักษาพยาบาลมาให้ , อ้างว่าได้รับมรดกจำนวนมากแต่ต้องมีการจ่ายภาษีมรดกก่อน ขอให้เหยื่อช่วยโอนเงินมาให้ และ อ้างว่าได้รับสัมปทานหรือทำสัญญากับภาครัฐ จะได้ผลกำไรจำนวนมาก ขอให้เหยื่อโอนเงินมาจ่ายให้กับภาครัฐก่อนทำสัญญา เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะสูญเงินทั้งหมดไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป